การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมตกแต่ง
เพื่อให้การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสวยได้ผลดี ผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดควรเตรียมตัวดังนี้
- หมั่นตรวจสอบสุขภาพตนเอง หรือตรวจเช็คสุขภาพประจำปี เพื่อประเมินว่ามีโรคต่างๆแอบแฝงอยู่ โดยที่ยังไม่ได้แสดงอาการหรือไม่ โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีความเสี่ยง เช่น มีอายุที่มากขึ้น มีประวัติในครอบครัว โรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบการหยุดเลือด ทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือเลือดหยุดยาก
- ในรายที่มีความเสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ เบาหวาน โรคไต จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเรื่องแผลหายยาก เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อให้การป้องกันเป็นพิเศษมากกว่าในรายทั่วๆไป
- แจ้งโรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ ประวัติการแพ้ยารับประทาน หรือยาชา ยาสลบ ให้แพทย์ทราบ สำหรับผู้หญิงควรให้ข้อมูลการมีประจำเดือนให้ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบต่อการตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงทำการผ่าตัดบริเวณใบหน้า หรือในบริเวณใกล้เคียงที่มีการติดเชื้อ เช่น เป็นไซนัสอักเสบเป็นหนอง หรือเป็นหวัดน้ำมูกเขียว สิวอักเสบเป็นหนอง เป็นต้น ควรควบคุมการติดเชื้อให้ดีก่อนทำ
- งดหรือเลิกสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะทำลายเซลส์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล และมีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณผ่าตัดลดลง มีโอกาสทำให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดเลือด หายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในคืนก่อนผ่าตัด และ 1สัปดาห์หลังผ่าตัด
- งดกลุ่มยาที่จะมีผลต่อการหยุดเลือด เช่น แอสไพริน อย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนการผ่าตัด และวิตามินอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม
- รายที่ต้องใช้ยาดมสลบ หรือยากดระบบประสาท ควรงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และควรมีผู้ที่มารับหลังทำเสร็จ เพราะจะมีฤทธิ์หรือผลบางอย่างของยาที่ให้เหลืออยู่
- เตรียมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ถอดใส่ง่าย หากจะทำการผ่าตัดบริเวณใบหน้าให้งดการแต่งหน้า ถ้าจะผ่าตัดบริเวณลำตัวงดการใช้โลชั่นในเช้าวันที่จะผ่าตัด
- เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ตื่นเต้นมากกว่าความเป็นจริง และควรรับทราบว่าหลังการผ่าตัดมีโอกาสเกิดรอยช้ำและการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเข้าที่หรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
- กรณีที่มีการให้เซ็น informed consent ข้อมูลยินยอมผ่าตัด ควรอ่านให้เข้าใจก่อนลงลายเซ็น
ข้อมูลมาจาก สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย